วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2550

เดโมคริตุส

เดโมคริตุส (ราว 460-370 ปีก่อนคริสตกาล) มาจากแคว้นอับเดรา ทางตอนเหนือของชายฝั่งทะเลอีเจียน
เดโมคริตุสเห็นด้วยกับนักปรัชญาก่อนหน้าเขาว่าการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติไม่ใช่การที่บางอย่างได้ “เปลี่ยนแปลง” ไปจริงๆ เขาจึงมีสมมติฐานว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจากตัวต่อเล็กๆที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เป็นตัวต่อที่คงทนและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เดโมคริตุสเรียกหน่วยที่เล็กที่สุดนี้ว่า อะตอม
คำว่า อะ-ตอม หมายถึง “ไม่สามารถตัดได้” เดโมคริตุสเชื่อว่าทุกส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นสิ่งต่างๆ ประกอบด้วยอนุภาคที่เล็กที่สุดที่ไม่สามารถแบ่งต่อไปได้
ยิ่งกว่านั้น อนุภาคนี้จะต้องคงทนตลอดไป เพราะไม่มีอะไรเกิดจากความว่างเปล่า ตรงนี้ เขาเห็นด้วยกับปาร์มีนิดีสและนักปรัชญากลุ่มเอเลียติก เขายังเชื่อว่าอะตอมทั้งหมดแข็งแกร่งและคงทน แต่จะต้องมีรูปร่างต่างๆกัน เพราะถ้าทุกอะตอมเหมือนกันหมด เราจะอธิบายได้อย่างไรเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่อยู่บนโลกใบนี้ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างเกิดขึ้นจากอะไร
เดโมคริตุสเชื่อว่าธรรมชาติประกอบด้วยอะตอมรูปร่างต่างๆจำนวนไม่จำกัด บางอะตอมกลมเรียบ บางอะตอมหยักหรือบิดเบี้ยวและเพราะความที่มันมีรูปร่างต่างกัน ทำให้มันสามารถรวมตัวกลายเป็นสิ่งต่างๆ ได้ทุกอย่าง แต่ไม่ว่ามันมีรูปร่างที่แตกต่างและจำนวนมากเท่าใด ทุกอะตอมจะคงอยู่เช่นนั้นตลอดไป ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและไม่อาจแยกย่อยลงไปอีกได้
เมื่อสิ่งต่างๆเช่นต้นไม้หรือสัตว์ตายและถูกย่อยสลาย อะตอมก็จะแยกออกจากกัน และกลับมารวมกันในรูปร่างใหม่ อะตอมก็จะแยกออกจากกัน เละกลับมารวมกันในรูปร่างใหม่ อะตอมเคลื่อนไปในอวกาศ แต่เพราะมันมีตะขอ และเงี่ยง จึงสามารถกลับมา รวมตัวเป็นสิ่งต่างๆ รอบตัวเราได้ใหม่ทุกครั้ง
เดโมคริตุสไม่เชื่อว่ามี วิญญาณ ที่แทรกแซงกระบวนการของธรรมชาติ เขาเชื่อว่าสิ่งเดียวที่มีอยู่คือ อะตอมและช่องว่าง เพราะเขาไม่เชื่อในอะไรนอกจากสิ่งที่จับต้องได้ เราจึงเรียกเขาว่า นักวัตถุนิยม
เดโมคริตุสคิดว่าการเคลื่อนไหวของอะตอมไม่ได้เป็นไปตาม “แบบ” ที่วางไว้ล่วงหน้าในธรรมชาติ ทุกอย่างเกิดขึ้นค่อนข้างเป็นกลไล พูดอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่มีกฎเกณฑ์ เพราะทุกอย่างต่างเป็นไปตามกฎแห่งความจำเป็น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มีเหตุผลตามธรรมชาติที่ฝังอยู่ในสิ่งนั้นอยู่ก่อนแล้ว ครั้งหนึ่งโมคริตุสเคยพูดว่าเขาอยากเป็นผู้ค้นพบเหตุผลของธรรมชาติมากกว่าเป็นพระราชาแห่งเปอร์เซีย
เดโมคริตุสคิดว่าทฤษฎีอะตอมยังสามารถอธิบายเรื่องประสาทสัมผัสของเราได้ด้วย การที่เรารู้สึกอะไรบางอย่าง เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของอะตอมในอวกาศ ฉันเห็นดวงจันทร์ เพราะ อะตอมของดวงจันทร์ รุกเข้ามาในตาของฉัน
เขาเชื่อว่าแม้แต่วิญญาณก็เกิดมาจาก อะตอมวิญญาณ ที่เมื่อสิ่งมีชีวิตตายอะตอมนี้จะกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง และกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณดวงใหม่ ซึ่งหมายความว่ามนุษย์ไม่มีวิญญาณที่เป็นนิรันดร
เดโมคริตุสเชื่อว่า วิญญาณ เกี่ยวข้องกับสมอง ถ้าสมองเสื่อม มนุษย์ก็จะไม่มีสติสัมปชัญญะไม่ว่ารูปแบบใด
ทฤษฎีอะตอมของเดโมคริตุสถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคปรัชญาธรรมชาติกรีกในเวลานั้น เขาเห็นด้วยกับเฮราคลีตุสว่าทุกสิ่งในธรรมชาติ เลื่อนไหล เนื่องจากรูปแบบต่างๆเกิดขึ้นและเสื่อมสลายไป แต่เบื้องหลังทุกอย่างที่เลื่อนไหลนั้น มีสิ่งที่เป็นนิรันดรและไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเขาเรียกมันว่า อะตอม

ไม่มีความคิดเห็น: