วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2550

ดาวหาง-ใครบางคน


แสงนั่นกรีดผ่านผืนฟ้าในแนวเฉียงแล้วลับหายไปในความมืดของค่ำคืนนี้
มาแล้ว กลับลับหาย
ดาวหางมาเยือนแล้ว กลับลับหาย
ดาวหางที่มาเยือนและลับหายคล้ายคลึงกับใครบางคนนัก

ดาวหางคือ ก้อนน้ำแข็ง ที่ประกอบด้วยก๊าซและฝุ่น ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้มีถิ่นกำเนิดอยู่เลย นอกวงโคจรของดาวพลูโตออกไป แถบถิ่นนั้นถูกเรียกว่า หมู่เมฆออร์ต
บางครั้งก้อนน้ำแข็งในแถบนั้นจะถูกแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะดึงดูดให้เข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วก้อนน้ำแข็งบางก้อนจะเคลื่อนเข้าหาดวงอาทิตย์ ซึ่งลมสุริยะจากดวงอาทิตย์นี่เองที่ทำให้สสารจาก้อนน้ำแข็งระเหิดออกมาจนเห็นหางยาว
หางของดาวงที่เห็นชัดเจน คือ หางฝุ่นและหางไอออน
หางฝุ่น เกิดจากอนุภาคฝุ่นขนาดเล็ก ที่หลุดออกมาจากหัวของดาวหาง มีลักษณะคล้ายกลุ่มควันดำที่ปล่อยจากรถบรรทุก
หางไอออน มีความยาวมากกว่าหางฝุ่น แต่สว่างน้อยกว่า เกิดจากก๊าซบริเวณหัวของดาวหางสว่างข้น เนื่องจากได้รับพลังงานจากลมสุริยะ
วิถีโคจรของดาวหางมักจะโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรีที่รีมาก ๆ การโคจรลักษณะนี้ดาวหางย่อมวนกลับมาอีก แต่...ดาวหางที่มีลักษณะการโคจรเป็นรูปพาลาโบลา หรือไฮเพอร์โบลา การโคจรในสองกรณีนี้ ดาวหางจะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์เพียงครั้งเดียว จากนั้นก็จะกลับไปอยู่ในหมู่เมฆออร์ตตามเดิม

แสงนั่นกรีดผ่านผืนฟ้าในแนวเฉียงแล้วลับหายไปนานแล้ว
มาแล้ว และลับหายไปนานแล้ว
ดาวหางที่มาเยือนและลับหาย ทำให้นึกถึงใครบางคนเมื่อแสนนาน
ใครบางคนเมื่อแสนนานก็เช่นดาวหางที่มีวิถีโคจรแบบพาลาโบลา คือผ่านมาเพียงครั้งเดียวแต่จากไปตลอดกาล...
“...ชั่วชีวิตพบกันเพียงครั้ง
หากต้องทรมานจากการคิดถึง
ไม่สู้ไม่เคยพบเลยไม่ดีกว่า...”

ไม่มีความคิดเห็น: